วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

รอยด่างดำบนโหนกแก้ม คืออะไร ?


    ในบางครั้งเมื่อเราส่องกระจก เราอาจเห็นรอยด่างดำที่บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะที่โหนกแก้ม ...ถามเพื่อนคนนั้นก็บอกว่ากระลึก ถามเพื่อนคนนี้ก็บอกว่าฝ้า

 ครีมแก้ฝ้า

#  แล้วความจริงมันต่างกันอย่างไรหนอ ? #
          ฝ้า และกระลึก เป็นความผิดปกติของผิวหนัง เนื่องจากการที่มีเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมักจะเห็นเป็นรอยด่างดำที่บริเวณโหนกแก้มได้ในลักษณะเหมือน ๆ กัน แต่มีความแตกต่างกันโดยสินเชิงทั้งสาเหตุ ลักษณะรอยดำ และการรักษา ดังนี้

          ในบางครั้งเมื่อเราส่องกระจก เราอาจเห็นรอยด่างดำที่บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะที่โหนกแก้ม ...ถามเพื่อนคนนั้นก็บอกว่ากระลึก ถามเพื่อนคนนี้ก็บอกว่าฝ้า
* สาเหตุ
          ฝ้า เกิดจากตัวสร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีมากเกินไปในผิวหนังชั้นบน ซึ่งถูกกระตุ้นโดยการโดนแสงแดด การตั้งครรภ์ การรับประทานยาคุมกำเนิด หรือยากันชัก
         กระลึก เกิดจากมีตัวสร้างเม็ดสีมากเกินไปในผิวหนังส่วนล่าง แต่ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
* ลักษณะรอยดำ
          ฝ้า มักจะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล สีเทาดำขอบเขตชัดเจน มักมีทั้ง 2 ข้างของใบหน้า บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปากบน จมูก และคาง
          กระลึก มักมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำเงินเทาเล็ก ๆ ขอบเขตไม่ค่อยชัดเจน มักเกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม 2 ข้างบ่อยที่สุด

ครีมแก้ฝ้า

* การรักษา
          ฝ้า ใช้ยาทาเป็นหลัก เพื่อลดอารสร้างเม็ดสี กลุ่มครีมที่สกัดจากธรรมชาติโดยตรง เป็นหนึ่งในกลุ่มครีมทาแก้ฝ้า รักษากระ นอกจากนี้อาจใช้การทา AHA หรือ ไอออนโต ช่วยเสริมการรักษาได้ด้วย กระลึก การทายาสามารถทำให้กระลึกจางลงได้ นอกจากนี้การทำเลเชอร์ก็สามารถรักษากระลึกได้ด้วย ซึ่งอาจต้องมารับการรักษาด้วยเลเชอร์ ประมาณ 3-4 ครั้ง
การป้องกันทั้งฝ้า และกระลึก
          ฝ้า และกระลึกเป็นโรคซึ่งผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงจากแสงแดด โดยการใช้ร่ม หรือหมวกปีกกว้างเวลาโดนแดด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดช่วงกลางวัน และควรใช้ครีมกันแดดซึ่งมี SPF มากกว่า 30
          ในผู้ป่วยที่เป็นฝ้าอาจเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด จากการใช้ยาคุมกำเนิดมาเป็นการคุมกำเนิดวิธีอื่น เช่น การใส่ห่วงคุมกำเนิด เพื่อลดการเกิดฝ้าจากยาคุมกำเนิด
          +++...อย่างไรก็ดี ถ้ามีปัญหาทางด้านรอยด่างดำที่ผิวหน้า ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษา ท่านจะได้มีผิวหน้าที่สวยใส ตลอดเวลา...+++




รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสารสวยด้วยแพทย์

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ทำไม ? เปลี่ยนครีมแล้ว สิวขึ้น

 ครีมอาบูติน

1. หยุดครีมเดิมแล้วสิวขึ้น ถึงไม่ใช้ตัวใหม่ก็ขึ้น
   เพราะครีมเดิมอาจมีสารอันตราย เมื่อเลิกใช้แล้วสิวขึ้นพรึ่บ ควรใช้ครีมที่ปลอดภัยและสกัดจากธรรมชาติ จะรู้ได้ไงว่ามีสาร ก็คนขายเค้าบอกมี อย. ใช้มาก็หน้าดีๆ ให้ลองหยุดครีมเดิม ไม่ต้องใช้อะไรเลยสัก 1 เดือน ดูผลลัพธ์ก่อนใช้ตัวใหม่ ถ้าหน้าดำลง สิวขึ้นเรื่อยๆ ให้สันนิษฐานว่าครีมเก่าเราไม่ใช่ครีมปลอดภัยแล้วล่ะ...

2. เวลาเปลี่ยนครีมใหม่ๆ คนที่ไม่เคยมีสิว ไม่เคยใช้ครีมมีสารอันตราย แต่ทำไมสิวยังขึ้น
   * หน้าเราแพ้ครีมใหม่เหรือเปล่า หรือครีมใหม่ไม่ดี อาจจะไม่ใช่เสมอไป เพราะตอนแรกๆของการเปลี่ยนครีม อาจจะมีผดขึ้น สิวขึ้นบ้าง เหมือนหน้าเราเปลี่ยนครีมกะทันหัน หน้างงกับสารบำรุงตัวใหม่ หรือปฏิกิริยาของครีมตัวใหม่ อาจไม่เข้ากับตัวเก่าที่ตกค้างบนหน้า ทำให้ผิวระคายเคือง สิวก็เลยขึ้น...
   * ถ้าเป็นนิดหน่อย ให้หยุดทั้งครีมเก่าและครีมใหม่ ขณะที่สิวขึ้นอย่ารีบวิ่งไปใช้ตัวใหม่อื่นๆ อีกหรือกลับไปใช้ตัวเก่าทันที ให้หยุดพักหน้าก่อน...
   * หยุดพักหน้าก่อน เพราะสิวที่เกิดจากการระคายเคืองในเบื้องต้นจะหายเองใน 1-2 สัปดาห์ ย้ำว่าพักหน้าก่อนนะ พอสิวหาย ค่อยเริ่มใช้ครีมตัวใหม่ที่เหมาะสมกับเรา และก่อนใช้ควรทดสอบการแพ้ก่อนเสมอ..
.
3. เราจะรู้ได้ไงว่าแพ้
   * พอทาครีมไป มีผื่นแดง คัน ให้ทดสอบครีมทุกตัวก่อนใช้บนหน้าที่ใต้ท้องแขน ถ้ามีอาการดังกล่าวทันที แสดงว่าเราแพ้ครีมนั้น...
   * ให้ทาครีมที่ใต้ท้องแขนสัก 3-4 วัน ค่อยๆ ดูอาการว่าจะแพ้ไหม ถ้าร่างกายแพ้ก็จะขึ้นผื่นแดง คัน แต่ถ้าร่างกายเราไม่แพ้ ไม่มีผื่น แต่ทาลงหน้าแล้วทำไมเหมือนแพ้ ไม่ใช่ครีมมีปัญหาแล้ว แต่หน้าคุณนั่นละคะมีปัญหา ต้องทำไง ให้พักหน้านะ หยุดให้หมด เพราะหน้าอาจใช้ครีมมาเยอะซะจนจะใส่อะไรใหม่ๆ ลงไปผิวตรงนั้นก็ต่อต้านทุกอย่าง พักหน้าบ้างก็ดีน่ะค่ะ...!!!

4. การทาครีมไม่จำเป็นต้องทาเยอะ ทั้งปริมาณและจำนวน
    ทาแค่พอเหมาะ แต่เลือกให้เหมาะกับผิว หน้าก็จะใสและดีเอง  เช่นเป็นคนผิวมัน ก็ต้องเลือกใช้แบบโลชั่นบางเบา ไม่ใช่เซรั่ม หรือครีมเข้มข้น มาส์กเข้มข้น หรือพวก น้ำมันต่างๆ

5. คนที่เป็นสิว แล้วกังวลเรื่องรอยดำ ผิวไม่ขาว
   แนะนำว่า คุณควรเริ่มจากรักษาสิวก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลังเอาสิวให้หาย สิวหายก็ชนะทุกอย่าง และช่วงเป็นสิวอย่าใช้ครีมบำรุงที่มีน้ำมันทุกชนิด ท่องไว้...สิวหายค่อยจัดเต็ม  ปัจจุบันมีสารพัดวิธีที่จะช่วยเยียวยาหลุมสิว รอยดำ-แดง เช่นเลเซอร์ ร้อยไหม เป็นต้น

 ครีมอาบูติน

รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com
ข้อมูลจาก : www.postjung.com

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การพักหน้าเมื่อต้องการเปลี่ยนครีม

     เมื่อต้องการเปลี่ยนครีม แนะนำให้พักหน้า เพื่อดีท๊อกซ์สารพิษออกจากผิว ก่อนเปลี่ยนครีมบำรุงนะค่ะ เพื่อป้องกันปัญหาอาการครีมตีกัน หน้าพัง ตามมาค่ะ


1.  เวลาที่ต้องเปลี่ยนครีมบำรุงผิว มีหลายคนประสบปัญหา เกิดอาการแพ้ครีม เกิดอาการครีมตีกัน คือมีผดผื่นขึ้น เป็นเม็วสิว เม็ดแดงๆ เล็กๆ หน้าดำ หมองคล้ำลงเรื่อยๆ ใช้ครีมเท่าไหร่หน้าก็ไม่ขาว มีแต่สิวขึ้นตลอดเวลาเกิดจากใต้ผิวหนังเราผ่านการใช้ครีม ซึ่งสะสมกันมาหลายตัวอยู่บนชั้นผิวหนังบนหน้าของเราก่อนหน้านี้ ทำให้เมื่อเราทาครีมไม่สามารถเข้าไปที่ผิวหน้า และทำงานได้อย่างเต็มที่ได้
     โดยปกติ หากไม่มีการพักหน้าหรือดีท๊อกซ์สารพิษ ออกจากผิวหน้าในช่วงแรกๆ จะเกิดการดันสารที่ตกค้างออกมาที่ผิวหนังในรูปของสิว และผดผื่น และคันหน้ายิบๆ ในช่วงแรกๆ เมื่อเริ่มใช้ครีม แต่เมื่อใช้ไปสักพักหน้าจะเริ่มดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร
     วิธีที่ดีที่สุด ก่อนเปลี่ยนครีมต้องหยุดใช้ครีมบำรุงผิวหน้าทุกชนิด เป็นเวลา 7-14 วัน เพื่อใหผิวหน้าได้พักฟื้นจากการใช้เครื่องสำอาง และเป็นการดีท๊อกซ์สารพิษออกจากผิวหน้า พร้อมทั้งปรับสมดุลของผิวหน้าให้สามารถเปิดรับครีมบำรุงผิวที่จะเริ่มใช้ได้ดียิ่งขึ้น
2.  วิธีการดีท๊อกซ์ผิวหน้า ในระหว่างที่พักหน้า หรือ ผิวหน้ามีการแพ้ครีม หน้าปลวก ผุ พัง ให้ทำการดีท๊อกซ์ผิวหน้า 7-14 วัน หรือจนกว่าผิวจะดีท๊อกซ์สารพิษออกมาหมด
    โดยลักษณะสารตกค้างที่ขับออกมา เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวหนองผด รู้สึกคันตอนพอกไข่ขาว เป็นผื่นคัน บริเวณโหนกแก้ม แนวสันกราม 2 ข้าง รอบปาก คาง และ ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน





วิธีการดีท๊อกซ์ผิวหน้าทำดังนี้
     เช้า ให้ล้างหน้าด้วยสบู่เด็ก , ละลายผงวิเศษตราร่มชูชีพกับน้ำเล็กน้อยทาทั่วไปหน้า
     เย็น ล้างหน้าด้วยสบู่เด็ก , พอกหน้าด้วยไข่ขาว (ไข่ไก่) ทิ้งไว้ให้แห้ง ประมาณ20-25 นาที แล้วล้างออกด้วยสบู่เด็ก เสร็จแล้วละลายผงวิเศษตราร่มชูชีพกับน้ำเล็กน้อยทาทั่วไปหน้า (สามารถพอกให้หนาๆได้) ทิ้งไว้จนเช้า
     ทุกเช้า จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวหน้า 
*** หากไม่พักหน้าและดีท๊อกซ์ผิว ในการเปลี่ยนครีมใจร้อนเริ่มใช้ครีมทันทีมีโอกาสที่สารต่างๆจากครีมเก่าที่สะสมบนชั้นผิวหน้า จะทำปฏิกิริยาสารที่อยู่ในครีมใหม่ที่เราจะใช้ ทำให้เกิดการแพ้ ผดผื่นคัน หน้าเป็นสิวผด สิวอักเสบ และสุดท้ายเป็นอาการ ของหน้า ปลวก ผุพัง อยากต่อการรักษาเป็นต้น
*** สำหรับผู้ที่เป็นสิวฝ้า เนื่องจากฮอร์โมน แนะนำ ให้รับประทาน ยาสตรี หรือยาบำรุงมดลูด ระบบเลือดและฮอร์โมนบ้างเพื่อช่วยปรับฮอร์โมนภายใน เรียกว่าบำรุงจากภายในสู่ภายนอกนะค่ะ
*** โปรดระวังการในใช้เครื่องสำอาง พร้อมกับครีมที่เริ่มใช้ใหม่ เนื่องจาก ครีมสมุนไพรบางตัวหากใช้ร่วมกับครีมที่มีไขมันสัตว์ หรือสารประกอบจากเคมี อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผดผื่น หรือผิวอักเสบขึ้นได้
*** ในการใช้ครีมทุกเช้าแนะนำทาครีมกันแดดขั้นตอนสุดท้าย เพื่อป้องการไม่ให้ผิวหน้าแดงเวลาโดนแสง โดนแดด โดนลม เพื่อผิวหน้าจะได้ไม่หมองคล้ำ

รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

อาการของคนเป็นสิวสเตียรอยด์

     การสังเกตุอาการของ สิว ผดผื่น หรือตุ่มแดงๆ บนหน้าของเรา ว่ามันเข้าข่ายเป็นสิวสเตียรอยด์ หรือเป็นอาการติดสเตีรอยด์หรือเปล่า มาดูอาการเบื้องต้นของการเกิดสิวสเตียรอยด์กันดีกว่า รู้ก่อนจะได้รักษาได้ทันท่วงที
อาการของคนเป็นสิวสเตียรอยด์
     หน้าเป็นตุ่มแดง นูนขึ้นมา โดยตุ่มที่ขึ้นมามักจะมีขนาดที่เท่าๆกัน
ไม่มีหัวสิว หรือไขมันอยู่ในตุ่มที่ขึ้น
แพ้ครีมง่ายมากๆ ใช้ครีมอะไรก็มักจะมีอาการแพ้ไปหมดทุกอย่าง
หน้าบาง ผิวบางลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดจากการที่โดนสารสเตียรอยด์เข้าไปทำลายชั้นผิวคอลลาเจน บางจนบางครั้งสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่หน้าได้อย่างชัดเจน
หน้าแดงจนผิดปกติ ซึ่งจะเกิดจากผดผื่น หรือตุ่มแดงๆที่เห่อขึ้นทั่วหน้า และเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจจะขยายตัวผิดปกติ หรือแตกได้
บางครั้งดูคล้ายๆสิวผด เพราะมักจะเห่อขึ้นมาเป็นผดเม็ดเล็กๆเป็นแพ หรือเป็นปื้นๆได้
โครงสร้างการทำงานของผิวหน้าผิดเพี้ยน รูขุมขนที่ผิวหนังเกิดการอักเสบ


     สำหรับคนที่เป็นสิวสเตียรอยด์ หรือติดสเตียรอยด์เพราะครีมทาผิวที่ผสมสารสเตียรอยด์เข้าไปนั้น การที่จะช่วยรักษาอาการที่ว่าไห้หายไปนั้น เราต้องใช้ "วิธีหักดิบ" กันไปเลย เพราะอาการติดสเตียรอยด์นั้น ไม่เหมือนกับการรักษาฝ้าหรือกระ ที่ต้องค่อยๆใช้ยาให้น้อยลงไปเรื่อยๆ          
       เพื่อให้ผิวปรับสภาพ จนสุดท้ายก็เลิกใช้ไปในที่สุด แต่วิธีการรักษาอาการติดสเตียรอยด์ที่ดีที่สุดนั้น ก็คือการเลิกใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสเตียรอยด์โดยทันที

ซึ่งวิธีนี้จัดว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย ต้องใช้ความกล้า และความอดทนอย่างสูง ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะว่า ในช่วงแรกๆที่เราหยุดใช้ครีมสเตียรอยด์นั้น หน้าของเราจะมีตุ่มแดง ผดผื่นคัน หน้าแดง สิวเห่อเต็มหน้า อย่างเกินรับได้เลยล่ะ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าหน้าของเรามันขาดสเตียรอยด์ที่เคยได้รับในทุกๆวันไป 
     ซึ่งพอวันไหนไม่ได้รับมันก็แสดงอาการอย่างที่ว่าออกมา เหมือนกับคนที่ติดยาเสพย์ติด ที่ขาดการรับยาไม่ได้ ถ้าขาดเมื่อไรก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า"ลงแดง" ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งถ้าจะพูดให้เห็นภาพชัดๆก็คือ ผิวหน้าของเราเกิดอาการลงแดงขึ้นมานั่นเอง


     แต่ถ้าเราสามารถเลิกทาผลิตภัณฑ์หรือครีมที่มีสาร สเตียรอยด์เหล่านี้ได้ และได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอย่างต่อเนื่อง เชื่อได้เลยว่า สิวสเตียรอยด์ หรืออาการ ติดสเตียรอยด์ก็จะหายไปได้ในที่สุด ตุ่มแดง คัน ผดผื่นต่างๆ ก็จะค่อยๆจากเราไป

     ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เป็น สิวสเตียรอยด์ ทุกคน ขอให้หายไวไว นะจร้า

รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ครีมบำรุงผิวหน้าตอนกลางคืน จำเป็นหรือไม่?

 ครีมอาบูติน

     มีความจำเป็นอย่างแน่นอนเพราะนอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว
ในช่วงเวลากลางวันผิวของคุณต้องเผชิญกับ
สภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะ แสงแดด ฝุ่นควัน
ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้ผิวแก่ชราไปตามวัยได้เร็วขึ้น
     การบำรุงผิวหน้าและผิวพรรณในช่วงเวลากลางคืนนั้นจำเป็นนะคะ...
เพราะในช่วงเวลากลางคืนที่คุณนอนหลับ นั้น
*  ผิวของคุณก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
 กล้ามเนื้อใบหน้าได้ผ่อนคลาย
ร่างกายเริ่มกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
 ผิวมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และกระตุ้นการผลัดผิวที่กระจ่างใส เนียนนุ่มกว่าเดิม
     ถ้าคุณอยากให้ผิวหน้าพิสุทธิ์ใส...การบำรุงผิวหน้าด้วย
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในยามค่ำคืนด้วย



 ครีมอาบูติน

ไนท์ครีม (Night cream)
ก่อนนอนเป็นประจำนั้น เรียกได้ว่าเป็นการให้อาหารเสริม
เพื่อเข้าไปบำรุงปรนนิบัติผิวคุณ จากภายนอกสู่ภายใน...
     นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เพราะสารบำรุงต่าง ๆ จากเนื้อครีมจะเป็นตัวผลักดันให้เกิด
ขบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่เปล่งปลั่ง สดใสมีสุขภาพดี...
     ในการเลือกใช้ไนท์ครีมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดนั้นควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวพรรณ
*คนที่มีลักษณะผิวมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่เป็นโลชั่นน้ำนม ชึ่งจะซึมซาบได้ไม่เหนียวเหนอะหนะ
*คนที่มีลักษณะที่มีผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง ผลิตภัณฑ์ชนิดครีม จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงผิวในยามค่ำคืน...ให้ผิวคุณใสเหมือนวัยแรกสาวค่ะ

รวบรวมข้อมูล www.freshymore.com

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์