วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เคล็ดลับสูตรบำรุงผิวขาวกระจ่างใส


      1.  ออกกำลังกาย ช่วยให้ขาวใสได้
สำหรับการออกกำลังกายนั้นเป็นเสมือนการกระตุ้น เลือดในร่างกายให้ไหลเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้นรวมถึงยังเป็นการดูแลสุขภาพและทำให้มีผิวขาวอย่างนึง


      2. ทาครีมช่วยให้ผิวขาว ลดริ้วรอยได้
หาครีมที่ทาแล้วขาวจริง หรือแนะนำพวกวาสลีนเป็นครีมที่มีเนื้อหอม นุ่มและช่วยให้คุณนั้นมีผิวขาวกระจ่างใส


      3. สบู่โฟมครีมอาบน้ำช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้
สำหรับสบู่โฟมหรือครีมอาบน้ำนั้นเป็นหนึ่งในการสร้างผิวขาวที่ดีอย่างนึง  หากอยากผิวขาวแนะนำว่าให้ ถูสบู่ หรือใช้พวกครีมอาบน้ำบ่อยๆ




      4. พอกผิวพอกหน้า ขัดผิว ช่วยให้ผิวใส ดูอ่อนกว่าวัยได้
การพอกผิวขาวนั้นเป็นหนึ่งในการพอกผิวขัดผิวให้ขาวที่ง่าย  และเห็นผลเร็ว

      5. ​​พกร่มหรือใส่เสื้อแขนยาว ทาครีมกันแดด
แนะนำว่าก่อนออกจากบ้านใส่เสื้อแขนยาวหรือทาครีมกันแดดด้วย  เพราะนอกจากจะช่วยให้เรานั้นมีผิวขาวกระจ่างใสได้แล้ว ยังเป็นการป้องกันแดดที่ดี




วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

มารู้จักรังสียูวีเอและยูวีบี ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้ากันเถอะ


รังสียูวีเอและยูวีบี ตัวการทำให้เกิดฝ้าทำงานอย่างไร
     ตัวการที่ทำให้เกิดฝ้านั้นส่วนใหญ่มาจากแสงแดด ในแสงแดดนั้นจะมีรังสียูวีเอและยูวีบีอยู่ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า แต่คุณอาจจะยังไม่ทราบว่ารังสียูวีเอและยูวีบีนั้นแตกต่างกันอย่างไร มีความอันตรายต่อผิวหนังเรามากขนาดไหน และวิธีการป้องกันรังสีเหล่านี้ ที่ถูกต้องควรทำอย่างไร

รังสี UV มีอะไร และทำงานอย่างไร ?
     รังสียูวีหรืออัลตราไวโอเลต เป็นตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ผิวไหม้ เกิดเป็นฝ้า และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งผิวหนังเลยทีเดียว ซึ่งรังสียูวีนั้นเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

1. ยูวีเอ UVA มีความรุนแรงมากกว่ายูวีบี รังสีนี้สามารถทะลุผ่านกระจก ไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและหนังแท้ เป็นรังสีที่เป็นอันตรายต่อผิว เพราะทำให้เกิดความหมองคล้ำ เกิดฝ้า และริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆ เกิดจุดด่างดำ ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย

2. ยูวีบี UVB จะมีเพียง 5ในปริมาณแสงแดด ทำลายผิวได้แค่ระดับผิวหนังชั้นกำพร้า และไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ ถ้าได้รับรังสียูวีบีในปริมาณที่เยอะๆ จะทำให้ผิวหนังไหม้แดด พองอักเสบ และผิวแห้งกร้าน


    รังสี ยูวี หากได้รับในระดับต่ำจะมีประโยชน์ต่อการสร้างวิตามินดี และช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินความจำเป็น จะมีผลต่อการทำลายระบบภูมิคุ้มกัน การทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ ทำให้เกิดฝ้า ผิวหนังแลดูเหี่ยวหยุ่นจนถึงระดับรุนแรงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
     เมื่อเราทราบแล้วว่าแสงแดดทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้อย่างไร ดังนั้นอย่าละเลยในการป้องกันผิวของเราให้ปลอดภัยจากรังสีเหล่านี้น่ะค่ะ


รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ผิวติดครีมที่มีสารสเตียรอยด์ มีอาการอย่างไร ?

 ครีมแก้ฝ้า

   อาการของผิวติดครีมที่มีสารสเตียรอยด์ หรือ ผิวบาง คือ
          + เป็นผื่นแพ้บ่อยๆ 
          
สิวผดขึ้นบนใบหน้าบ่อยๆ 
          คันหน้าง่าย โดนฝุ่นนิดหน่อย
          ออกแดดแล้วหน้าแดง ผื่นขึ้น 
          ผิวเซนส์ซิทีฟ แพ้ง่าย
          สิวที่เกิดจากไรขน
     ถ้ามีอาการข้างต้น ให้สงสัยว่าจะมีการติดสารสเตียรอยด์ หรือ ใช้สเตียรอยด์มานานทำให้ผิวบาง และจะชัดเจนมากขึ้นถ้ามีพฤติกรรมเหล่านี้ร่วมด้วย คือ
          1.  ผื่นขึ้นทายาแก้แพ้ไม่เกิน สัปดาห์ก็หาย แต่ต้องทาทุกเดือน 
          2.  ทาครีมอยู่ชนิดนึง เลิกไม่ได้ ถ้าเลิกแล้ว
               2.1 ผื่นขึ้น 
               2.2 ผิวหน้าคล้ำลง ฝ้า กระ เป็นมากขึ้น



ครีมแก้ฝ้า


     สเตียรอยด์ในปัจจุบันมีในรูปแบบใดบ้าง ?
           *  ยาทาแก้สิว เช่น ครีมแก้แพ้ ครีมลบรอย ครีมรักษาสิว
           
*  ยาทาแก้ฝ้า 
           *  ยาฉีดสิว
           *  ยากิน 
     การใช้สเตียรอยด์ผิดกฎหมายมั้ย ?
ไม่ผิดถ้าใช้โดยแพทย์ ใช้สเตียรอยด์ได้  แต่จะผิดกฎหมายถ้าใช้โดยประชาชทั่วไป ผสมอยู่ใน ครีมหน้าขาว ครีมบำรุง ครีมแก้ฝ้า ต่างๆ แล้วมาขายกันเอง
     ดังนั้นคนติดสเตียรอยด์ คือ ติดมาจากครีมที่ซื้อทั่วไป ประมาณ 50% และ อีก 50% ติดโดยแพทย์จ่ายยาให้
     เพราะบางครั้ง แพทย์ที่ตรวจผิวหนังไม่บอกคนไข้ว่าครีมที่ให้ไป หรือ ยาที่ฉีดสิว คือ สเตียรอยด์ ดังนั้นพอได้สเตียรอยด์ไปคนไข้ก็ชอบ ชอบจึงติด ติดแล้วก็เกิดผลเสียกับผิวตัวเอง...


รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

ครีมอัลฟ่าอาบูติน(Alpha arbutin) คืออะไร ?

อัลฟ่าอาบูติน(Alpha arbutin) เป็นส่วนผสมสำคัญ ในเครื่องสำอางค์

ที่ช่วยปรับผิวหน้า ให้มีความขาว กระจ่างใส...ช่วยลดรอยหมองคล้ำ จุดด่างดำ

หลายคนอาจสงสัยว่า...แท้จริงแล้วมันคืออะไร และทำให้ผิวขาวได้อย่างไร ?




ข้อมูลจาก : www.freshymore.com

วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิธีการรักษาฝ้าทั่วไป ให้ได้ผลดี

 ครีมแก้ฝ้า


1. ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 15 นาที ทุกครั้ง หลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน โดยใช้ร่ม หมวก เสื้อคลุมป้องกันความร้อนจากแสงแดด

2. ไม่ควรใช้ยาที่ผสมไฮโดรคิวโนน และสเตียรอยด์ เพราะจะเป็นการกระตุ้นเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ทำให้ฝ้าชั้น และลึกขึ้น

3. พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สงบ อย่าเครียดมาก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอวันละ 30 นาที รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้สมดุลย์ในร่างกายดีขึ้น ฝ้าก็จะลดลง



 ครีมแก้ฝ้า


4. รักษาฝ้าด้วยสมุนไพรธรรมชาติ ที่นิยมกันอยู่ตอนนี้ก็คือ หัวไชเท้า  หอมแดง มะขามเปียก โยเกิร์ต  และผลไม้ หรือสมุนไพรที่มีกรดวิตามินซี AHA ต่างๆ มาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จะช่วยทำให้รอยฝ้าจางลงได้ แต่ต้องทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

5. ใช้ครีมรักษาฝ้าที่เป็นเวชสำอาง มีกรดจากธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผิว เช่นกรดโคจิก  กรดวิตามินซี  AHA  ครีมอาบูติน  กรดแอเซเลอิค  และกรดเรตินอยด์  ควรหลีกเลี่ยงไฮโดรควิโนน เพราะจะทำให้ฝ้าเข้มขึ้น นอกจากได้รับยาทารักษาฝ้าจากแพทย์เท่านั้น


รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

วันพุธที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

 ครีมแก้ฝ้า  
    
 ปัญหาผิวทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่สาเหตุหลักมักเกิดจาก

1.   ถูกแสงแดดทำร้าย เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง เอ และ รวมทั้งแสง visible light เป็นมลภาวะที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิว หรือทำให้เป็นฝ้า กระ ได้มากขึ้น ทั้งนี้ แสงอุลตราไวโอเลต จะมีมากในช่วงเวลา 10.00-14.00 น. แสงแดดในช่วงนี้มีผลทำให้ ผิวหนังเกิดการไหม้เกรียม และ เกิดฝ้า กระ จุดด่างได้ง่าย

2.   อิทธิพลของฮอร์โมน จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน

3.   ยาบางชนิด เช่นการรับประทานยาคุมกำเนิด เป็นการได้รับฮอร์โมนจากภายนอกร่างกาย

4.    การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนผสมอยู่

5.     พันธุกรรม มีผลทำให้ทั้ง ฝ้า กระ และจุดด่างดำ เกิดขึ้นได้ง่าย

 ครีมแก้ฝ้า

วิธีป้องกัน ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ คือ ?

      1. ควรหลีกเลี่ยงจากแสงแดด โดยใช้สิ่งกำบังหรือป้องกัน เช่น ร่ม หมวก ผ้า คลุมหน้า และวิธีการปกป้องตัวเองจากแสงแดดง่ายมากๆ คือ ครีมกันแดด แนะนำให้ใช้ที่ค่า SPF มากกว่า 45 ขึ้นไป อยู่ได้ 8-10 ชั่วโมงขึ้นไป ก็เพียงแล้วสำหรับหนึ่งวัน

      2. กรณีสงสัยว่ายาคุมกำเนิดที่รับประทานอยู่เป็นสาเหตุที่ ทำให้เกิดฝ้า ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร

      3. ไม่ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์  และ สิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถลดฝ้า กระ จุดด่างดำให้ดีขึ้นจนหายได้ก็คือ ครีมฟื้นบำรุงผิวที่ดี ได้มาตรฐาน ไม่ผสมสารอันตรายอย่างสารสเตียรอยด์ ผลิตจากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ก็จะช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างได้ผล

    4. การพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ ผ่องใส ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ไม่เครียดหรือ วิตกกังวล ก็จะช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำได้ เพราะเป็นการรักษาสมดุลของฮอร์โมน...


รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิธีสังเกตครีมเบื้องต้น จะรู้ได้อย่างไรว่าครีมที่ใช้มีสเตียรอยด์ผสมอยู่...

จากบทความที่แล้วที่เราพูดถึงเรื่อง ผิวติดครีมที่มีสารสเตียรอยด์ มีอาการอย่างไร ? 
     วันนี้เราจะมาบอกถึง วิธีสังเกตครีมเบื้องต้น จะรู้ได้อย่างไรว่าครีมที่ใช้มีสเตียรอยด์ผสมอยู่...เพื่อความปลอดภัยในการใช้กับผิวของเรา

ครีมแก้ฝ้า


  1. ครีมที่ดีเมื่อทิ้งไว้ต้องไม่มีการแยกชั้นของเนื้อครีม เช่น แยกของเหลวหรือน้ำลอยขึ้นมาชั้นบนออกจากชั้นครีม

  2.  ครีมที่ดีต้องไม่เปลี่ยนสีในระยะเวลาอันสั้น อย่างน้อยๆ 1-3 เดือน สีของครีมต้องไม่เปลี่ยน เช่น เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทา



  3.  ครีมที่ดีต้องไม่เห็นผลการใช้เร็วเกินไป ประเภทที่ว่าดีขึ้น หน้าใสขึ้น ขาวขึ้นใน วัน นี่ต้องระวังเอาไว้เลย ครีมที่ดีจริงๆใช้แล้วผิวของเราจะค่อยๆดีขึ้น อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี ตามธรรมชาติผิวที่ควรจะเป็น

  4.  ครีมที่ดีนั้นต้องไม่มีกลิ่นแปลกๆ หรือกลิ่นน้ำหอมฉุนเกินไป เพราะพวกสารเคมีอันตรายๆนั้นมักจะมีกลิ่นแรง ผู้ผลิตก็เลยต้องใส่น้ำหอมเยอะๆเพื่อไปดับกลิ่นสารเคมีเหล่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าครีมที่มีกลิ่นหอมทุกตัวจะไม่ดีนะ ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบกันด้วย...

รวบรวมข้อมูล
 : 
www.freshymore.com

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ประเภทของฝ้ามีกี่ชนิด


 ครีมแก้ฝ้า


 ฝ้า เกิดจากผิวหน้าที่สัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำ ในระยะเวลาที่ยาวนาน จนเกิดเป็นรอยคล้ำสีน้ำตาล หรือสีเทาเข้ม ตามบริเวณแก้ม บนริมฝีปาก หน้าผาก และคาง แล้ว ประเภทของฝ้า มีกี่ชนิดกันล่ะ ?
1. ฝ้าแดด  เกิดจาก รังสียูวีเอ ทำร้ายผิวหน้า ซึ่งรังสียูวีเอจะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสียูวีบี จึงสามารถทำลายผิวได้ลึก จนเม็ดสีเมลานินทำงานหนักขึ้น เนื่องจากเม็ดสีเมลานินนั้นมีหน้าที่กรองรังสียูวี เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น...
     เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้น จนเกิดเป็นรอยดำ ที่เรียกว่า ฝ้าแดด นั่นเอง นอกจาก แสงแดด จะทำให้เกิดฝ้าได้แล้ว ความร้อนจากเตา แสงไฟ เครื่องสำอาง ยาคุม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
2. ฝ้าเลือด  คือฝ้าที่มีลักษณะเป็นรอยแดงๆ คล้ายเส้นเลือด สังเกตุได้จากเส้นเลือดบริเวณใบหน้ามีปัญหา เสื่อมสภาพ ไม่สามารถกักเก็บเลือดได้...
     ทำให้เลือดซึมออกมาที่บริเวณใต้ผิวหนัง หรือถ้าเป็นมาซักระยะก็จะสังเกตุเห็นเป็นรอยปื้นๆ มีสีชมพู สีแดง จนไปถึงสีดำ

ครีมแก้ฝ้า

3. ฝ้าแบบตื้น  จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) มักมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด เกิดได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้เร็ว...
     นอกจากนี้ฝ้าชนิดนี้ยังรักษาโดยการใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และ ครีมกันแดด ก็สามารถลบเลือนให้หายได้
 4. ฝ้าแบบลึก  จะมีอาการผิดปกติ อยู่ในชั้นที่ลึกกว่าชนิดแรก โดยจะเกิดฝ้าในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า จะเกิดความผิดปกติในระดับชั้นผิวหนังแท้...
     มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด รักษาได้ยากกว่าฝ้าชนิดตื้น และไม่ค่อยหายขาด การใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และ ครีมกันแดด เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น


รวบรวมข้อมูล : www.freshymore.com